ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ 2.25%
หลังจากดึงดันกันอยู่นานในที่สุด ผลการประชุม คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 27 พฤศจิกายน 2556 มีมติ 6 ต่อ 1 เสียง ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ 2.25% จากเดิมที่ 2.50% และจากเดิมที่มีการคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) ไว้ที่ 3.7% ก็ได้มีการลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) ปีนี้เหลือเพียง 3% พร้อมทั้งคาดการณ์ปีหน้าจะเติบโต 4% ต้นๆ โดยมองว่าเศรษฐกิจของประเทศยังเปราะบางและมีความเสี่ยง หลังจากเศรษฐกิจในใตรมาส 3/56 ขยายตัวต่ำกว่าคาด และในเดือนตุลาคม ยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวชัดเจน
ทั้งนี้ นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน กล่าวว่า “คณะกรรมการฯ ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่คาดไว้เดิม และมีความเสี่ยงสูงขึ้นกว่าการประชุมครั้งก่อน ภายใต้แรงกดดันด้านราคาที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่สินเชื่อภาคครัวเรือนมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงบ้างแล้ว นโยบายการเงินจึงสามารถผ่อนคลายเพิ่มเติมเพื่อลดความเสี่ยงและสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ”
ดอกเบี้ยนโยบายคืออะไร
ดอกเบี้ยนโยบาย (Policy Rate) คือ อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกลางของแต่ละประเทศได้กำหนดขึ้นเพื่อเป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงและใช้เป็นเครื่องมือหลักในการส่งสัญญาณนโยบายการเงิน โดยมีคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้เป็นไปภายใต้กรอบของเงินเพื่อไม่ให้เกิน 3% (ตัวเลข GDP ที่มีการคาดการณ์ไว้) ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยต้องใช้ ดอกเบี้ยนโยบาย ในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยในตลาดว่าควรอยู่ที่เท่าไร ตามแต่สถานการณ์ ก็เพื่อควบคุมปริมาณเงินในระบบให้สอดคล้องกับนโยบายดังกล่าวนั่นเอง สำหรับประเทศไทยสถาบันการเงินมีสภาพคล่องเหลือก็จะนำเงินไปให้ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ยืมเป็นระยะเวลา 1 วัน ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยจะโอนพันธบัตรภาครัฐให้กับสถาบันการเงินเพื่อเป็นหลักประกัน โดยธนาคารแห่งประเทศไทยสัญญาว่า จะรับซื้อคืนพันธบัตร ที่ใช้เป็นหลักประกัน พร้อมทั้งจ่ายดอกเบี้ยสำหรับระยะเวลา 1 วันให้้ หรือที่เรียกว่า อัตราดอกเบี้ัยธุรกรรมซื้อคืนพันธบัตรระยะเวลา 1 วัน (1-Day Repurchase Rate หรือ 1-Day Repo Rate) โดยดอกเบี้ยนั้นก็คืออัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศไทยนั่นเอง
การปรับขึ้นลงดอกเบี้ยนโยบาย สัมพันธ์ต่อระบบเศรษฐกิจอย่างไร
ถ้าหากมีการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายนั้นแสดงว่าช่วงเวลานั้นเศรษฐกิจเติบโต ราคาสินค้าสูงขึ้น จนทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นในขณะที่กำลังซื้อของประชาชนเริ่มลดลง พูดง่ายๆ ก็คือ มีเงินเท่าเดิมแต่ซื้อของได้น้อยชิ้นลง คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มักจะใช้นโยบายการเงินแบบตึงตัว (เพิ่มดอกเบี้ยให้สูงขึ้น)
ถ้าหากมีการลดดอกเบี้ยนโยบาย แสดงว่าช่วงเวลานั้นเศรษฐกิจเริ่มหดตัว เงินเฟ้อต่ำลง ประชาชนไม่ค่อยใช้จ่าย ธนาคารแห่งประเทศไทยก็จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยอาจมีการส่งสัญญาณให้ธนาคารพาณิชย์ลดดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ลง เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนถอนเงินไปใช้จ่ายและลงทุนมากขึ้น เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัว คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มักจะใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย (ลดดอกเบี้ยให้ต่ำ)
ทำไมต้องลดดอกเบี้ยนโยบาย
กระแสเงินลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้าไทยทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น เพราะการที่นักลงทุนต่างชาตินำเงินมาลงทุนในตลาดเงินตลาดทุนของไทยมาก ซึ่งเป็นการลงทุนในระยะสั้นนั้นอาจส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจในภาพรวม นอกจากนี้ผู้ประกอบการส่งออกส่งสินค้าออกได้ยากขึ้น เพราะจะถูกมองว่าสินค้าของไทยมีราคาแพงขึ้น มีผลต่อการแข่งขันทางการค้ากับประเทศอื่นที่ผลิตสินค้าประเภทเดียวแบบเดียวกัน
บทความที่เกี่ยวข้อง