ปัญหาค่าเงินบาท Weak & strong agaist (another currency)
ปัญหาค่าเงินบาท Weak & strong agaist (another currency)
หลังจากที่ค่าเงินบาทแข็งค่าจนหลายคนหวาดหวั่น แต่แล้วช่วงนี้หลายคนคงได้ยินเรื่องค่าเงินบาทมีการผันผวนเร็วเกินไปแกว่งขึ้นๆ ลงๆ จนผู้ประกอบการไม่สามารถตั้งราคาค่าสินค้าได้ เกิดอะไรขึ้น อย่างไรก็ตามค่าเงินแข็งหรืออ่อน มันเป็นไปตามสภาพเศรษฐกิจที่มีประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ เช่น ก่อนหน้านี้ข่าวสหรัฐอเมริกาปั้มดอลลาร์ จนเกิดการไหลบ่าของเงินลงทุน ล่าสุดประเทศที่มีผลต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยนั่นคือญี่ปุ่นปั้มเงินเยนบ้าง ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงค์ชาติ) เตรียมยาแก้ไว้ เพื่อป้องกันการที่นักลงทุนอาศัยทำกำไรจากค่าเงิน
ตามข่าว ธนาคารแห่งประเทศไทย เตรียมออกมาตรการการจัดเก็บค่าธรรมเนียมหรือภาษีเงินไหลเข้าไหลออกแบบขั้นบันได คือถือครองสั้นเก็บค่าธรรมเนียมเยอะถือครองยาวอาจไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม ส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด แต่จะเป็นอย่างนี้ยั่งยืนหรือเปล่าแนวโน้มในระยะต่อไปน่าจะแข็งขึ้นอีก และมีการคาดว่าจะคงตัวอยู่ที่ 28-29 บาท
กุญแจดอกสำคัญอยู่ที่ญี่ปุ่นเงินเยนปั้มเงินออกมาเพื่อไล่ซื้อเงินดอลลาร์อย่างมหาศาล ญี่ปุ่นจะพิมพ์แบงค์ออกมาในตลาดเพื่อให้เงินเยนอ่อนค่าลง เพื่อส่งเสริมการส่งออกและส่งเสริมการลงทุน ซึ่งก็คือ ญี่ปุ่นออกมาตรการ QE หรือ Quantitative Easing โดยตั้งเป้าฐานเงิน (เงินสดหรือเงินในรูปบัญชีที่หมุนเวียน) อยู่ที่ 250 ล้านเยน หรือครึ่งหนึ่งของ GDP (Gross Domestic Product) ของประเทศ และจะต้องรีบนำเงินสดไปเกาะตามที่ต่างๆ ของโลกเพื่อรีบยึดพื้นที่ทางเศรษฐกิจไว้ก่อน โดยเฉพาะเอเชีย
จากสถิติญี่ปุ่นเลือกลงทุนในประเทศไทยเป็นอันดับ 1 คาดการณ์ว่าเงินญี่ปุ่นจะไหลเข้ามาลงทุนในภาคธุรกิจ นอกจากนั้นยังซื้อตราสารหนี้ พันธบัตรรัฐบาล ญี่ปุ่นต้องการใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางห่วงโซ่อุปทาน เชื่อมเราไปสู่ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง วิเคราะห์ทำไมญี่ปุ่นทำเช่นนั้นก็เพราะว่า ขณะนี้ประเทศที่ญี่ปุ่นกลัวคือจีน เพราะจีนมีสถานะเป็นคู่แข่งทางเศรษฐกิจกับญี่ปุ่นเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จีนจะตั้งหลักได้มากกว่านี้ญี่ปุ่นจึงขยับตัวลงทุนซื้อกิจการต่างๆ ทั่วเอเชียเพื่อยึดพื้นที่ไว้ก่อน
กรณีค่าเงินบาทแข็งมีผลกระทบต่อผู้ประกอบการอย่างไร เหรียญมีอยู่สองด้าน จุดสมดุลอยู่ตรงไหน
ค่าเงินบาท หมายถึง จำนวนเงินบาทที่นำไปแลกเปลี่ยนกับเงินตราต่างประเทศหรือที่เรียกกันว่าเงินสกุลอื่น เช่น สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เงินเยนญี่ปุ่น เงินปอนด์เสตอร์ลิงของอังกฤษ เป็นต้น เช่นนำเงิน 31 บาท ไปแลกเงินญี่ปุ่นได้ 100 เยน นำเงิน 29 บาทไปแลกเงินดอลลาร์ได้ 1 ดอลลาร์ โดยขึ้นอยู่กับ อัตราแลกเปลี่ยน
ผู้ส่งออก เสียประโยชน์ ใช้เงินซื้อมากขึ้นในขณะที่เราได้ของเท่าเดิม ได้เงินบาทน้อยแม้จะได้ดอลลาร์เท่าเดิม (ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน) แต่ถ้าเป็นผู้ส่งออกที่นำเข้าสินค้ามาเพื่อผลิตแล้วส่งออกมากกว่าที่นำเข้า ก็ถือว่าได้ประโยชน์ ก็เหมือนธุรกิจทั่วไป (ซื้อ < กว่าขาย = กำไรขั้นต้น)
ผู้นำเข้า ได้ประโยชน์ ประหยัดเงินไทยที่ต้องนำไปแลกเปลี่ยน ขายของได้เยอะขึ้นเพราะต่างประเทศใช้เงินซื้อน้อยลงจึงมีกำลังซื้อเยอะขึ้น ซื้อของเรามากขึ้น เช่น ซื้อเครื่องจักรได้ถูกลง
ผู้ที่กู้เงินจากต่างประเทศ ที่กู้ไว้ก่อนหน้าก็จะมียอดหนี้เงินกู้สกุลต่างประเทศเมื่อแปลงเป็นเงินบาท ได้ประโยชน์
ความเห็นจากนักเศรษฐศาสตร์ ไทยจะสู้กับวิกฤตินี้ได้อย่างไร เนื่องจากต้นทุนค่าแรงของเราแพงกว่าประเทศคู่แข่งขัน เราต้องยกระดับฝีมือแรงงาน สร้างขีดความสามารถให้เก่งขึ้นลอยตัวเหนือคู่แข่ง ต้องขายที่คุณภาพ ควรมีการลงทุนต่างประเทศ พัฒนาขึ้นชั้นทางเศรษฐกิจ สร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน ไม่ส่งออกโดยมุ่งขายของถูกแต่ต้องขายคุณภาพ ควรส่งเสริมการลงทุนต่างประเทศ การนำเข้าเครื่องจักร (เนื่องจากค่าเงินบาทแข็งแลกดอลลาร์ได้มากขึ้น) เป็นการจราจรสองทาง
ถ้าจะมองว่าค่าเงินบาทแข็งหรืออ่อน เป็นเรื่องดีหรือไม่ดี มันก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนเหมือนเหรียญที่มีอยู่สองด้านไม่มีใครตอบได้ว่าค่าเงินบาทที่เหมาะสมกับเศรษฐกิจไทยควรจะอยู่ที่ระดับใดที่ถือว่าเสถียรภาพ แต่ที่เดือดร้อนอยู่ตอนนี้คือค่าเงินผันผวนเปลี่ยนแปลงขึ้นๆ ลงๆ อย่างรวดเร็วนั่นเอง เพราะการเปลี่ยนแปลงเร็ว ส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้ประกอบการในการตั้งราคาสินค้า และส่งผลต่อผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย แม้กระทั่งกระทบต่อการเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจของประเทศต่อไป